วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จัดการกับหนี้บัตรเครดิตยังไงดี



วันนั้นมีเพื่อนโทรมาถามครับว่า เป็นหนี้บัตรเครดิตต้องทำยังไง เพราะว่ามีหมายศาลมาที่บ้านแจ้งว่า ให้ไปขึ้นศาล เคยโทรไปคุยกับคนที่ส่งหนังสือบอกกล่าวมาให้ว่าจะพยายามผ่อนชำระแต่เขาไม่คุยด้วยบอกว่าให้ชำระหนี้ให้ครบหรือไม่ก็ต้องถูกฟ้อง ทำไมต้องถูกเรียกไปขึ้นศาลด้วย เพื่อนถามเยอะมาก....
                                                                                                                      
หากใครเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่ และตกอยู่ในอาการประมาณนี้  แนะนำสั้นๆแบบนี้ครับ
 
1. หยุดคิด เข้าใจครับว่า เมื่อได้รับหนังสือบอกกล่าวให้ชำระหนี้ หลายๆคนจะมีอาการตื่นตระหนกเพราะข้อความที่ว่า หากไม่ปฏิบัติตามภายใน 7 วัน มีความจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย หรือ ขณะเมื่อเปิดซองจดหมายออกมาแล้วปรากฏชื่อของคุณเป็นจำเลย และได้รับการแจ้งให้ไปศาล ความคิดขณะนั้นจะฟุ้งซ่านมาก ขอให้ หยุด คิด แล้วนิ่งไว้ครับ คิดโน่นคิดนี่ไป ดอกเบี้ยมันก็ยังเดินทางและทำหน้าที่ของมันต่อไป แต่ความคิดของเราที่วิ่งอยุ่ในหัวมันไม่ได้ทำหน้าที่ชำระหนี้หรือลดดอกเบี้ยได้เลย เพราะฉะนั้น นิ่ง ไว้ก่อน 

2. ตั้งสติ เมื่อนิ่งไว้ได้แล้ว คนเราก็จะมีสติครับ เมื่อสติมา สมองโล่ง ปัญญาก็จะเกิดครับ เราก็จะหาวิธีการชำระหนี้ได้ ด้วยจำนวนเงินอันมีจำกัดของเรา เพราะจริงๆลูกหนี้มีทางเลือกไม่มาก คือ 1. ชำระหนี้  2. ไม่ชำระหนี้ ไม่มีจ่ายซะอย่าง ยอมถูกฟ้อง แต่ถ้าเลือกวิธีนี้ หากมีทรัพย์สินอะไร หรือรายได้อย่างไร ก็อาจถูกบังคับคดีภายหลังได้

3. สำรวจว่าเป็นหนี้เท่าไร เช็คให้แน่ใจครับว่าเราเป็นหนี้ตามที่เขาแจ้งมาจริงหรือไม่ ดูในใบแจ้งหนี้บัตรเครดิตหรือหลักฐานอะไรก็แล้วแต่ที่เราเก็บไว้ก็ได้ครับ เผื่อว่าบางครั้งเราได้ชำระเงินไปบ้างแล้วแต่บริษัทไม่ได้ลงข้อมูลให้ หรืออย่างน้อยเราก็จะได้รู้ว่า เราใช้เงินในอนาคตที่บัตรเครดิตสร้างให้ไปเยอะขนาดไหน 

4. สำรวจรายรับรายจ่ายด่วน เมื่อคิดที่จะชำระหนี้ที่เราก่อไว้ เราก็ควรจะเริ่มสำรวจรายรับรายจ่ายของตัวเองว่ามีความสามารถในการชำระหนี้ได้เดือนละประมาณเท่าไร จะได้ใช้ป็นข้อมูลในการต่อรองกับเจ้าหนี้

5. วางแผนการชำระหนี้  ร่างแผนการชำระหนี้อย่างคร่าวๆ เพื่อดูศักยภาพในการชำระหนี้ของตนเอง และที่สำคัญเป็นการวางแผนการเงินของเราไปในตัวด้วย จะได้รู้ว่า ใช้จ่ายอะไรไปบ้าง อะไรไม่จำเป็นก็จะได้ลดการใช้จ่ายลง

6. ไปศาลตามนัด การไปศาลตามที่ได้รับการแจ้งมาเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะจะได้ไปเจรจากับทนายความที่ฟ้องคุณมา ไปบอกเขาว่า เรามีเจตนาที่จะชำระหนี้ ไม่ได้มีเจตนาที่จะเบี้ยว เจรจาต่อหน้าศาลและลองต่อรองว่าจะลดหนี้ให้ได้หรือไม่ หากคุณไม่ไปศาลในวันนัด คุณก็จะขาดนัดพิจารณาและศาลจะมีคำพิพากษาไปฝ่ายเดียว หากเป็นอย่างนี้คุณก็นอนรอคำบังคับจากศาลอยู่ที่บ้านได้เลย และรอถูกบังคับคดี แสดงถึงเจตนาที่ไม่สุจริตที่จะไม่ชำระหนี้ของคุณ

7. ขอทำสัญญาประนีประนอมยอมความ เมื่อคุยกันได้ว่า คุณจะชำระหนี้ ก็จะมีสัญญาประนีประนอมยอมความ มีใจความว่า คุณยอมชำระหนี้เท่านั้นเท่านี้ ด้วยดอกเบี้ยจำนวนนั้นจำนวนนี้ หากไม่ชำระ ยอมให้บังคับคดีได้ทันที ขอย้ำว่า ก่อนเซ็นชื่อ อ่านเงื่อนไขให้เข้าใจก่อนนะครับ ไม่เข้าใจอะไรก็ถามศาลถามทนายให้อธิบายให้ฟัง จะได้ปฏิบัติได้ถูกต้อง

8. ชำระหนี้ตามกำหนด ไม่ยากแล้วครับ หากทุกอย่างมีการวงาแผนมาอย่างดี การชำระหนี้ไม่ใช้เรื่องยาก ที่เหลือก็คือ ระเบียบวินัยในการใช้จ่าย และความอดทน ไม่นานคุณก็จะมีอิสรภาพทางการเงิน และไม่เป็นหนี้ต่อไป

โชคดีนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น